ทฤษฎีสมคบคิด (conspiracy theory) คือ เรื่องเล่า บทความที่สร้างขึ้นมาจากความคิดของคน หรือกลุ่มคน โดยนำเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน ซึ่งอาจมีวัตถุประสงค์ซ่อนเร้นอื่นๆ เพื่อให้ประโยชน์/ให้โทษต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลหนึ่งใด หรืออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลักษณะของทฤษฎีสมคบคิดโดยทั่วไป มีข้อเท็จจริงประกอบอยู่เพียงเล็กน้อย หรือส่วนหนึ่ง เพียงเพื่อเสริมให้เกิดความน่าเชื่อถือว่า มีหลักฐานสนับสนุนที่ดูเหมือนเกี่ยวข้องกันเท่านั้น อาจมีเหตุผลสนับสนุนจากความเชื่อส่วนบุคคล ความเชื่อเกี่ยวกับทางศาสนา การเมือง หรือวัฒนธรรมที่แตกต่างไป เรื่องเหล่านี้นักวิชาการที่แท้จริงจะไม่ใช้อ้างอิง ผู้อ่านควรใช้วิจารณญานก่อนที่จะเชื่อเรื่องนั้นๆ สหรัฐอเมริกามีหน่วยงานที่จะดูแลและกลั่นกรองเรื่องเหล่านี้โดยเฉพาะ
ปัจจุบันพบได้มากในคอลัมน์เล็กๆ หนังสือพิมพ์ประเภทแทบลอยด์ในต่างประเทศ ในฟอร์เวิร์ดเมล์ เว็บไซต์ส่วนบุคคล และบล็อกต่างๆ ตัวอย่างของทฤษฎีสมคบคิด เช่น การก่อตั้งองค์กรลับเพื่อปกครองโลก การสังหารหมู่กลุ่มสตรีที่เชื่อว่าเป็นแม่มด เอลวิส และฮิตเลอร์ยังไม่ตาย ศาสดาของศาสนาต่างๆ เป็นมนุษย์ต่างดาว ข้อมูลที่ใช้เป็นแรงกระตุ้น ให้เกิดการเข่นฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การกล่าวหาว่าอิรักครอบครองอาวุธชีวภาพเพื่อส่งกำลังทหารเข้าโจมตี (ที่มา สารานุกรมเสรี วิกิพีเดีย)
ทฤษฎีสมคบคิด หรือทฤษฎีลวงโลก เป็นกลยุทธ์และเป็นภักษาหารอันโอชะในแวดวงการเมือง แต่อันที่จริงผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาระบุว่า มันมีบทบาทที่ลึกซึ้ง ยิ่งไปกว่านั้น มันคือการตอบสนองต่อความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ที่พยายามทำความเข้าใจสาเหตุการเกิดขึ้นของปรากฏการณ์ สถานการณ์ต่างๆ แม้ว่าจะยังมีข้อมูลไม่ครบถ้วน และไม่มีหลักฐานยืนยันเพียงพอ และเป็นเครื่องช่วยยืนยันความเชื่อในส่วนลึกของมนุษย์ที่ว่า อุบัติการณ์ครั้งใหญ่ หรือปรากฏการณ์สำคัญ ไม่ได้เกิดขึ้นจากความบังเอิญ หรือการ สุ่มเสี่ยง แพตทริก เลแมน ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา แห่งมหาวิทยาลัยลอนดอน กล่าวว่า "หากเราคิดว่าเรื่องใหญ่ๆ อาจเกิดขึ้นได้จากความบังเอิญ หรือโอกาสสุ่มเสี่ยง มันจะสั่นคลอนความเชื่อมั่นต่างๆ ภายในจิตใจของเรา เพราะนั่นเป็นการบ่งชี้ถึงภาวะสุ่มเสี่ยง ไม่อาจคาดคะเนได้ และความไม่มั่นคงของวิถีชีวิตมนุษย์"
ทางด้าน ไมเคิล บาร์กัน ผู้เขียนหนังสือชื่อ Culture of Conspiracy : Apocalyptic Visions in Contemporary America ระบุว่า "ทฤษฎีลวงโลก เป็นกลไกทางจิตวิทยาเพื่อสร้างความเชื่อมั่น มันพยายามล่อลวงว่า สิ่งนั้นเกี่ยวข้องกับ สิ่งนี้ ปรากฏการณ์นั้นเชื่อมโยงกับปรากฏการณ์นี้ ลักษณะเฉพาะเช่นนั้นก่อให้เกิดความอัปมงคลเช่นนี้ ทั้งที่ในความเป็นจริงไม่มีความเกี่ยวข้องกัน เป็นเพียงการผูกความเชื่อมโยงแบบหลอกๆ ถ้ามองในเชิงสถิติ มันก็คือความบังเอิญล้วนๆ"
อินเทอร์เน็ต คือพลังขับเคลื่อนหลักของโลกาภิวัตน์ และเป็นเครื่องมือสำคัญในการประสานเครือข่ายอภิชนยุคใหม่ แต่ขณะเดียวกันอินเทอร์เน็ตก็เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนปลุกกระแสของคนกลุ่มต่างๆ กลุ่มคนที่มีแนวคิดชายขอบซึ่งเคยอยู่อย่างโดดเดี่ยวในสังคม ทุกวันนี้สามารถแสวงหาและติดต่อกับบุคคลที่ทัศนคติเหมือนกัน ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือ อินเทอร์เน็ต เมื่อได้ผสานกับสื่ออื่นๆ ได้สร้างยุคทองของทฤษฎีสมคบคิด อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ ถ้าใส่ข้อความ "9/11 conspiracy" ลงไปในช่องค้นหาข้อมูลของเว็บไซต์กูเกิล คุณจะพบข้อมูล 567,000 รายการ (ช่วงฤดูร้อนปี 2007) ทั้งหมดล้วนพยายามอธิบายการก่อวินาศกรรมสะเทือนโลก ด้วยความคิดและความเชื่อแบบพิสดาร บนพื้นฐานข้อมูลข้อเท็จจริงอัน น้อยนิด ซึ่งบางครั้งคุณยังต้องหัวเราะด้วย ความขบขัน
ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น การติดต่อสื่อสารแบบฉับพลันของอินเทอร์เน็ตส่งผลให้การสร้างความหวั่นวิตกหวาดระแวง และเรื่องราวที่กุขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์แอบแฝง สามารถส่งผ่านและแพร่กระจายไปใน วงกว้างและทั่วทั้งโลกได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้น ความเป็นไปได้ในการต่อเติมเสริมแต่ง นำไปผนวกกับความเชื่อด้านอื่นๆ และการบิดเบือนยิ่งมีสูง บ้างก็นำทฤษฎีที่ว่าชาวยิวสมคบคิดกันครอบครองโลก ไปผนวกกับความเชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาว บ้างก็ชี้ว่าแนวคิดเกี่ยวกับระเบียบโลกใหม่ เกี่ยวข้องกับการเดินทางมาเยือนโลกของยูเอฟโอ
ทฤษฎีสมคบคิดที่หวือหวาและมีผู้คนให้ความสนใจมากที่สุด ได้แก่ ทฤษฎีที่ว่ามี คนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งร่วมกันทำงานอย่างลับๆ สืบเนื่องมาตั้งแต่ยุคโบราณเพื่อ ล้มล้างระบบโลกที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แล้วสถาปนาระบบใหม่ขึ้นมา เพื่อให้โลกดำเนินไปตามเจตจำนงของพวกเขา อาจจะเป็นระบบอันลึกลับมหัศจรรย์ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ หรืออยู่ภายใต้อาณัติของผู้ที่มาจากนอกโลก
มองย้อนไปในประวัติศาสตร์ ตลอดยุคกลางหรือที่เรียกกันในภายหลังว่า ยุคมืดของยุโรป (คริสต์ศตวรรษที่ 5-16) จนถึงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 14-17) ผู้คนต่างหวาดระแวงและพยายามแสวงหาสัญญาณใดๆ ก็ตาม ที่จะบ่งชี้ถึงการสมคบคิด อันชั่วร้าย และสุดยอดของความชั่วร้าย คือการสมคบคิดของเหล่าปีศาจที่แฝงตัว มาในรูปแบบต่างๆ นานา ในปี ค.ศ.962 ที่เมืองเมตซ์ของฝรั่งเศส แมวนับพันตัว ถูกสังหารเพราะเชื่อกันว่าพวกมันคือ แม่มดที่แปลงร่างมา ระหว่างศตวรรษที่ 16 ถึง 17 มีบุคคลที่ถูกชี้ว่าเป็นพ่อมดและแม่มดถูกสังหารกว่าสองแสนราย และแมวกับสัตว์อื่นๆ นับแสนตัว
ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ชาวยิวถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามที่แฝงเร้น จากมุมมองของชาวโรมัน ชาวคาทอลิก โปแตสแตนต์ มุสลิม นาซี คอมมิวนิสต์ ตลอดจนถึงคนเชื้อชาติต่างๆ ตำนานเล่าขานเกี่ยวกับการวิถีปฏิบัติและเล่ห์กลการวางแผนของชาวยิว ทำให้ภาพลักษณ์ของชาวยิวเป็นภาพลบในสังคมโลก
แท้ที่จริงแล้ว ความหวาดระแวงต่อบุคคลอื่นและหวั่นวิตกต่อความไม่มั่นคงในวิถีชีวิต มีรากเหง้ามาจากสภาวะทางจิตของมนุษย์ ที่มุ่งโยนบาป โยนความผิดและ ข้อบกพร่อง ความล้มเหลว ไปยังสภาวะแวดล้อมและบุคคลอื่นๆ แต่ในหลายกรณี หรือโดยส่วนใหญ่ ความผิดพลาดและความล้มเหลวล้วนมีเหตุปัจจัยมาจากวิถีปฏิบัติและทัศนคติ ค่านิยมของตนเอง แต่เรา ไม่กล้าหาญพอที่จะยอมรับ
นักประวัติศาสตร์หลายท่านระบุว่า "ปรากฏการณ์สมคบคิดเพื่อทำลายศัตรู" ครั้งใหญ่เกิดขึ้นในยุคการปฏิวัติฝรั่งเศส ในปี 1792 ภายหลังการปฏิวัติได้ไม่นาน รัฐมนตรีสองท่านได้ประกาศต่อรัฐสภาแห่งชาติของฝรั่งเศสว่า ภายในคณะที่ปรึกษาของกษัตริย์ฝรั่งเศส ได้มีการก่อตั้ง "คณะกรรมาธิการออสเตรีย" ขึ้นอย่างลับๆ และกำลังวางแผนที่จะโค่นล้มรัฐบาลปฏิวัติประชาธิปไตย สถานการณ์ในขณะนั้นตึงเครียดมาก การสร้างข่าวดังกล่าวไม่ปรากฏหลักฐานยืนยันใดๆ แต่ด้วยน้ำเสียงและลีลาในการอภิปรายได้สร้างให้เกิดกระแสหวาดกลัว ความตื่นตระหนกทั่ว ทั้งสภา และขยายขอบเขตไปทั่วกรุงปารีส ส่งผลให้มีคำสั่งให้กำลังทหารออกลาดตระเวน พร้อมอาวุธครบมือตรวจตราอย่างเข้มงวดทั่วกรุงปารีส และติดไฟส่องสว่างตลอดทั้งคืน มีผู้คนถูกจับกุมและลงโทษประหารชีวิตไปเป็นจำนวนมากตลอดช่วง 2 ปีถัดมา ในข้อหากบฏ หรือสมคบคิดกับศัตรูของชาติ ประวัติศาสตร์การปฏิวัติ ของฝรั่งเศสเต็มไปด้วยเรื่องราวของการวางแผนล่อลวง สมรู้ร่วมคิดแบบลับๆ และสุนทรพจน์ที่มุ่งโจมตีฝ่ายตรงข้าม
ปัจจุบันพบได้มากในคอลัมน์เล็กๆ หนังสือพิมพ์ประเภทแทบลอยด์ในต่างประเทศ ในฟอร์เวิร์ดเมล์ เว็บไซต์ส่วนบุคคล และบล็อกต่างๆ ตัวอย่างของทฤษฎีสมคบคิด เช่น การก่อตั้งองค์กรลับเพื่อปกครองโลก การสังหารหมู่กลุ่มสตรีที่เชื่อว่าเป็นแม่มด เอลวิส และฮิตเลอร์ยังไม่ตาย ศาสดาของศาสนาต่างๆ เป็นมนุษย์ต่างดาว ข้อมูลที่ใช้เป็นแรงกระตุ้น ให้เกิดการเข่นฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การกล่าวหาว่าอิรักครอบครองอาวุธชีวภาพเพื่อส่งกำลังทหารเข้าโจมตี (ที่มา สารานุกรมเสรี วิกิพีเดีย)
ทฤษฎีสมคบคิด หรือทฤษฎีลวงโลก เป็นกลยุทธ์และเป็นภักษาหารอันโอชะในแวดวงการเมือง แต่อันที่จริงผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาระบุว่า มันมีบทบาทที่ลึกซึ้ง ยิ่งไปกว่านั้น มันคือการตอบสนองต่อความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ที่พยายามทำความเข้าใจสาเหตุการเกิดขึ้นของปรากฏการณ์ สถานการณ์ต่างๆ แม้ว่าจะยังมีข้อมูลไม่ครบถ้วน และไม่มีหลักฐานยืนยันเพียงพอ และเป็นเครื่องช่วยยืนยันความเชื่อในส่วนลึกของมนุษย์ที่ว่า อุบัติการณ์ครั้งใหญ่ หรือปรากฏการณ์สำคัญ ไม่ได้เกิดขึ้นจากความบังเอิญ หรือการ สุ่มเสี่ยง แพตทริก เลแมน ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา แห่งมหาวิทยาลัยลอนดอน กล่าวว่า "หากเราคิดว่าเรื่องใหญ่ๆ อาจเกิดขึ้นได้จากความบังเอิญ หรือโอกาสสุ่มเสี่ยง มันจะสั่นคลอนความเชื่อมั่นต่างๆ ภายในจิตใจของเรา เพราะนั่นเป็นการบ่งชี้ถึงภาวะสุ่มเสี่ยง ไม่อาจคาดคะเนได้ และความไม่มั่นคงของวิถีชีวิตมนุษย์"
ทางด้าน ไมเคิล บาร์กัน ผู้เขียนหนังสือชื่อ Culture of Conspiracy : Apocalyptic Visions in Contemporary America ระบุว่า "ทฤษฎีลวงโลก เป็นกลไกทางจิตวิทยาเพื่อสร้างความเชื่อมั่น มันพยายามล่อลวงว่า สิ่งนั้นเกี่ยวข้องกับ สิ่งนี้ ปรากฏการณ์นั้นเชื่อมโยงกับปรากฏการณ์นี้ ลักษณะเฉพาะเช่นนั้นก่อให้เกิดความอัปมงคลเช่นนี้ ทั้งที่ในความเป็นจริงไม่มีความเกี่ยวข้องกัน เป็นเพียงการผูกความเชื่อมโยงแบบหลอกๆ ถ้ามองในเชิงสถิติ มันก็คือความบังเอิญล้วนๆ"
อินเทอร์เน็ต คือพลังขับเคลื่อนหลักของโลกาภิวัตน์ และเป็นเครื่องมือสำคัญในการประสานเครือข่ายอภิชนยุคใหม่ แต่ขณะเดียวกันอินเทอร์เน็ตก็เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนปลุกกระแสของคนกลุ่มต่างๆ กลุ่มคนที่มีแนวคิดชายขอบซึ่งเคยอยู่อย่างโดดเดี่ยวในสังคม ทุกวันนี้สามารถแสวงหาและติดต่อกับบุคคลที่ทัศนคติเหมือนกัน ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือ อินเทอร์เน็ต เมื่อได้ผสานกับสื่ออื่นๆ ได้สร้างยุคทองของทฤษฎีสมคบคิด อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ ถ้าใส่ข้อความ "9/11 conspiracy" ลงไปในช่องค้นหาข้อมูลของเว็บไซต์กูเกิล คุณจะพบข้อมูล 567,000 รายการ (ช่วงฤดูร้อนปี 2007) ทั้งหมดล้วนพยายามอธิบายการก่อวินาศกรรมสะเทือนโลก ด้วยความคิดและความเชื่อแบบพิสดาร บนพื้นฐานข้อมูลข้อเท็จจริงอัน น้อยนิด ซึ่งบางครั้งคุณยังต้องหัวเราะด้วย ความขบขัน
ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น การติดต่อสื่อสารแบบฉับพลันของอินเทอร์เน็ตส่งผลให้การสร้างความหวั่นวิตกหวาดระแวง และเรื่องราวที่กุขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์แอบแฝง สามารถส่งผ่านและแพร่กระจายไปใน วงกว้างและทั่วทั้งโลกได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้น ความเป็นไปได้ในการต่อเติมเสริมแต่ง นำไปผนวกกับความเชื่อด้านอื่นๆ และการบิดเบือนยิ่งมีสูง บ้างก็นำทฤษฎีที่ว่าชาวยิวสมคบคิดกันครอบครองโลก ไปผนวกกับความเชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาว บ้างก็ชี้ว่าแนวคิดเกี่ยวกับระเบียบโลกใหม่ เกี่ยวข้องกับการเดินทางมาเยือนโลกของยูเอฟโอ
ทฤษฎีสมคบคิดที่หวือหวาและมีผู้คนให้ความสนใจมากที่สุด ได้แก่ ทฤษฎีที่ว่ามี คนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งร่วมกันทำงานอย่างลับๆ สืบเนื่องมาตั้งแต่ยุคโบราณเพื่อ ล้มล้างระบบโลกที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แล้วสถาปนาระบบใหม่ขึ้นมา เพื่อให้โลกดำเนินไปตามเจตจำนงของพวกเขา อาจจะเป็นระบบอันลึกลับมหัศจรรย์ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ หรืออยู่ภายใต้อาณัติของผู้ที่มาจากนอกโลก
มองย้อนไปในประวัติศาสตร์ ตลอดยุคกลางหรือที่เรียกกันในภายหลังว่า ยุคมืดของยุโรป (คริสต์ศตวรรษที่ 5-16) จนถึงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 14-17) ผู้คนต่างหวาดระแวงและพยายามแสวงหาสัญญาณใดๆ ก็ตาม ที่จะบ่งชี้ถึงการสมคบคิด อันชั่วร้าย และสุดยอดของความชั่วร้าย คือการสมคบคิดของเหล่าปีศาจที่แฝงตัว มาในรูปแบบต่างๆ นานา ในปี ค.ศ.962 ที่เมืองเมตซ์ของฝรั่งเศส แมวนับพันตัว ถูกสังหารเพราะเชื่อกันว่าพวกมันคือ แม่มดที่แปลงร่างมา ระหว่างศตวรรษที่ 16 ถึง 17 มีบุคคลที่ถูกชี้ว่าเป็นพ่อมดและแม่มดถูกสังหารกว่าสองแสนราย และแมวกับสัตว์อื่นๆ นับแสนตัว
ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ชาวยิวถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามที่แฝงเร้น จากมุมมองของชาวโรมัน ชาวคาทอลิก โปแตสแตนต์ มุสลิม นาซี คอมมิวนิสต์ ตลอดจนถึงคนเชื้อชาติต่างๆ ตำนานเล่าขานเกี่ยวกับการวิถีปฏิบัติและเล่ห์กลการวางแผนของชาวยิว ทำให้ภาพลักษณ์ของชาวยิวเป็นภาพลบในสังคมโลก
แท้ที่จริงแล้ว ความหวาดระแวงต่อบุคคลอื่นและหวั่นวิตกต่อความไม่มั่นคงในวิถีชีวิต มีรากเหง้ามาจากสภาวะทางจิตของมนุษย์ ที่มุ่งโยนบาป โยนความผิดและ ข้อบกพร่อง ความล้มเหลว ไปยังสภาวะแวดล้อมและบุคคลอื่นๆ แต่ในหลายกรณี หรือโดยส่วนใหญ่ ความผิดพลาดและความล้มเหลวล้วนมีเหตุปัจจัยมาจากวิถีปฏิบัติและทัศนคติ ค่านิยมของตนเอง แต่เรา ไม่กล้าหาญพอที่จะยอมรับ
นักประวัติศาสตร์หลายท่านระบุว่า "ปรากฏการณ์สมคบคิดเพื่อทำลายศัตรู" ครั้งใหญ่เกิดขึ้นในยุคการปฏิวัติฝรั่งเศส ในปี 1792 ภายหลังการปฏิวัติได้ไม่นาน รัฐมนตรีสองท่านได้ประกาศต่อรัฐสภาแห่งชาติของฝรั่งเศสว่า ภายในคณะที่ปรึกษาของกษัตริย์ฝรั่งเศส ได้มีการก่อตั้ง "คณะกรรมาธิการออสเตรีย" ขึ้นอย่างลับๆ และกำลังวางแผนที่จะโค่นล้มรัฐบาลปฏิวัติประชาธิปไตย สถานการณ์ในขณะนั้นตึงเครียดมาก การสร้างข่าวดังกล่าวไม่ปรากฏหลักฐานยืนยันใดๆ แต่ด้วยน้ำเสียงและลีลาในการอภิปรายได้สร้างให้เกิดกระแสหวาดกลัว ความตื่นตระหนกทั่ว ทั้งสภา และขยายขอบเขตไปทั่วกรุงปารีส ส่งผลให้มีคำสั่งให้กำลังทหารออกลาดตระเวน พร้อมอาวุธครบมือตรวจตราอย่างเข้มงวดทั่วกรุงปารีส และติดไฟส่องสว่างตลอดทั้งคืน มีผู้คนถูกจับกุมและลงโทษประหารชีวิตไปเป็นจำนวนมากตลอดช่วง 2 ปีถัดมา ในข้อหากบฏ หรือสมคบคิดกับศัตรูของชาติ ประวัติศาสตร์การปฏิวัติ ของฝรั่งเศสเต็มไปด้วยเรื่องราวของการวางแผนล่อลวง สมรู้ร่วมคิดแบบลับๆ และสุนทรพจน์ที่มุ่งโจมตีฝ่ายตรงข้าม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น