เมื่อตบมือด้วยมือทั้งสองข้าง สิ่งที่คาดหมายได้คือเสียงดังแป๊ะ
แต่หากเอามือข้างหนึ่งออกไป สิ่งที่เหลือคือการตบผ่านความว่างอันเงียบกริบ
เมื่อเห็นกระดานหมากรุกที่มีตัวหมากสองฝั่งตั้งประจัญ
สิ่งที่คาดหมายได้คือการรบกันทางความคิดระหว่างสองขั้วตรงข้าม
แต่หากเอาหมากฝั่งหนึ่งออกไป สิ่งที่เหลือคือการท้ารบกับความว่าง ไม่มีทางแพ้
ไม่มีทางชนะ ไม่มีกระทั่งกฎแห่งการเดินหมาก
ท้องฟ้าแลดูกว้างใหญ่ แต่แท้จริงยังเล็กไปเมื่อเทียบกับความว่างจากการกระทบกระทั่ง
ในความว่างจากการกระทบกระทั่ง ยังมีบางสิ่งบางอย่างอยู่
แต่รสชาติของสิ่งนั้นไพศาลเกินกว่าจะเปรียบเทียบ ว่าเหมือนหรือแตกต่าง
กับรสชาติแห่งการกระทบกระทั่งอันเล็กน้อยเพียงใด
พวกเรากำลังอาศัยอยู่ในจักรวาลแห่งเหตุผล เมื่อมีต้นเหตุ ย่อมชื่อว่ามีกำเนิด
และมีที่ตั้งแห่งผลลัพธ์ แต่ยังมีธรรมชาติความจริงอีกระนาบหนึ่ง ที่ปราศจากต้นเหตุ
จึงไม่ชื่อว่ามีกำเนิด และไม่มีที่ตั้งแห่งผลลัพธ์
พวกเราเคยชินกับการถูกรูปทรงสีสันกระทบตา และมีปฏิกิริยาทางใจตอบสนองเป็นชอบ ชัง
หรือเฉย หากเหลือแต่ความรู้ว่ารูปกระทบตา ว่างจากปฏิกิริยาชอบชังทางใจ เพราะใจรู้ว่า
กระทบแล้วต้องหายไป เหมือนๆกัน หาใช่สิ่งที่ควรยึดมั่นถือมั่น ใจจะไม่เกิดทุกข์เพราะ
ความอยากเห็น ใจที่ว่างจากทุกข์นั้นแหละ
คือสิ่งควรปรารถนายิ่งกว่าการเห็นรูปที่น่าชอบใจ
แม้กระทั่งการอยากได้ยินเสียงเพราะ การอยากได้กลิ่นหอม การอยากได้ลิ้มรสอร่อย
การอยากได้สัมผัสแตะต้องเนื้อหนังนุ่มแน่น และการอยากได้คิดให้สนุก
ก็ไม่คุ้มเมื่อต้องแลกกับการเป็นทุกข์ทางใจ ทุกข์อันเกิดจากยางเหนียวของความอยาก
ส่วนใจที่ว่างจากทุกข์ ใจที่แห้งสะอาดจากความเหนียวเหนอะหนะของความอยาก
ย่อมคุ้มค่ากว่า ความสมอยากชั่วครั้งชั่วคราวเป็นไหนๆ
มือที่ตบลงไปในความว่างของอากาศ ไม่อาจได้ชื่อว่าตบมือ การไม่ตบมือนั่นแหละมีอยู่ก่อน
และจะมีอยู่ตลอดไป การตบมือต่างหากที่เป็นแค่ของชั่วคราว หากอยากได้ยินเสียงตบมือ
เราจะสมอยากเพียงประเดี๋ยวประด๋าว แต่หากสงบใจเปิดรับความเงียบเสียงตบมือได้จริง
ความไม่สมอยากก็จะสาบสูญไปอย่างถาวร ไม่ต้องเหนื่อยรอความพร้อมทั้งสองขั้ว
ไม่ต้องออกแรงเจ็บมือทั้งสองข้าง ก็ชื่นชมเสียงแห่งความเงียบจากการตบมือได้ชั่วกาลนาน
หมากที่ตั้งอยู่ข้างเดียว ไม่อาจได้ชื่อว่าหมากรุก การไม่รุกกับการไม่รับนั่นแหละมีอยู่ก่อน
และจะมีอยู่ตลอดไป การรุกกับการรับต่างหากที่เป็นของชั่วคราว หากอยากผลัดกันรุกผลัดกันรับ
เราจะสมอยากเพียงประเดี๋ยวประด๋าว แต่หากระงับความอยากรุกและอยากรับเสียได้
ความไม่สมอยากก็จะสาบสูญไปอย่างถาวร ไม่ต้องเหนื่อยตั้งหมากให้ครบสองขั้ว
ไม่ต้องออกแรงเคลื่อนหมากทั้งสองข้าง ก็ชื่นชมความสงัดจากการคิดรุกคิดรับได้ชั่วกาลนาน
ฉันใดฉันนั้น การกระทบกับจิตที่ว่างจากความอยาก ย่อมเหมือนฝุ่นทรายที่ซัดไปในอากาศโปร่ง
อากาศถูกกระทบแล้วปล่อยไปไม่ยึดไว้แม้ทรายสักเม็ดเดียว จิตที่ว่างจากอุปาทานถือมั่น
ก็ถูกกระทบแล้วปล่อยทุกสิ่งผ่านหายไปเช่นกัน เมื่อรู้จักรสแห่งการปล่อยวาง
ย่อมรู้จักรสแห่งความว่างอันเหนือรสแห่งอิสรภาพทั้งปวง
รสแห่งอิสรภาพสูงสุดมีอยู่ก่อนการเกิดมาและการหายไปของสรรพสิ่ง
ว่างจากกรอบแห่งกฎเกณฑ์ ว่างจากกรรมวิบากดีร้าย ว่างจากการกระทบและการรุกรับ
ว่างจากความเป็นหญิงเป็นชาย ว่างจากความเป็นบุคคลและสัตว์สิ่งของ
ปรากฏอยู่แค่ความไม่แตกต่าง ไม่มีเหนือกว่าหรือด้อยกว่า
ไม่มีการมาถึงเร็วกว่าหรือช้ากว่า ไม่มีใครมีชื่อมากกว่าหรือเสียชื่อน้อยกว่า
พวกเราไม่อาจรักษาความว่างสูงสุดไว้ เพียงด้วยความคิดว่าเข้าใจความว่าง
แต่ต้องเริ่มจากการรักษาจิตให้ว่างจากความตระหนี่ รักษาจิตให้ว่างจากบาปอกุศล
รักษาจิตให้ว่างจากความพัวพันในกามและพยาบาท รักษาจิตให้ว่างจากความฟุ้งซ่าน
และความหดหู่ รักษาจิตให้ว่างจากความห่วงหน้าพะวงหลัง รักษาจิตให้ว่างจากความไม่รู้เท่าทัน
สิ่งที่ผ่านมาแล้วต้องผ่านไป และที่สุดคือรักษาจิตให้ว่างจากเล่ห์กลของจิตเอง
ที่ลวงตัวเองให้หลงสำคัญผิดไปว่าตัวเองมี ตัวเองเป็น
ถึงจุดหนึ่งแห่งการรักษาคือการเลิกรักษา เพราะจิตจะว่างจนสละส่วนเกินได้เอง
วางจนอยู่ข้างบุญกุศลได้เอง และว่างจนแสนสบายรู้ชัดเฉพาะหน้าได้เอง
รู้ชัดในภายในกระทั่ง เห็นชัดว่าจิตไม่ใช่เรา เมื่อเห็นชัดว่าจิตไม่ใช่เรา
ก็เหลือแต่อะไรอีกอย่างหนึ่งที่พ้นไป
สิ่งนั้นพรากขาดแล้วจากการเกลือกกลั้วกับเหตุแห่งการมี เหตุแห่งการตั้งอยู่
และเหตุแห่งการสิ้นสูญ
สิ่งนั้นไม่เป็นที่ตั้งแห่งทุกข์แล้วชั่วนิรันดร์ ไม่เหลือแม้แต่มือสักข้างเดียวให้ตบอากาศว่างได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น