2554-07-31

รำลึกถึง จอห์น เลนนอน ผู้ใช้เสียงเพลงขับเคลื่อนขบวนการต่อต้านสงคราม : Give Peace a Chan



จอห์น เลนนอน ( 9 ตค. 1940- 8 ธค. 1980 ) เป็นนักร้อง นักประพันธ์เพลงชาวอังกฤษ ซึ่งได้รับการตอบรับสูงที่สุดผู้หนึ่ง ขณะเดียวกัน เขาก็มีบทบาทสำคัญ ในการใช้เสียงเพลง ขับเคลื่อนการต่อต้านสงคราม
เลนนอนเป็นสมาชิกก่อ ตั้งของวง เดอะบีตเติ้ลส์ และ ร่วมกับ พอล แมคคาร์ตนีย์  เป็นคู่หูร่วมประพันธ์เพลงยิ่งใหญ่แห่งยุคมากมาย
ภายหลังแยกตัวจากวง
เดอะ บีตเติ้ลส์ใน ปลายปี 1969 เขาเริ่มชีวิตศิลปินเดี่ยว โดยยังคงมีผลงานที่สร้างความสำเร็จออกมาอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญ ได้แก่ Imagine, Give Peace a Chance และ “Happy Xmas (War Is Over)”
ในคืนวันที่ 8 ธค. เลนนอน ถูก มาร์ค แชพแมนยิง ขณะเดินกลับเข้าที่พักของตน เขาเสียชีวิต เมื่อถูกส่งตัวถึงโรงพยาบาล
ภาพ วาด จำลองสถานการณ์ ขณะคนร้ายลอบยิง จอห์นเลนนอน


“โรลลิ่ง สโตน”เผย บทสัมภาษณ์สุดท้าย “จอห์น เลนนอน” ครุ่นคิดถึงอนาคต-ครอบครัว



เพียง 3 วันก่อนที่จอห์น เลนนอน จะถูกยิงเสียชีวิตในวันที่ 8 ธค. 1980 เขากล่าวเปรยๆคำกล่าวของนักวิจารณ์ที่ว่า พวกเขาสนใจเพียงแค่ “วีรบุรุษผู้ล่วงลับ” และพูดถึงครอบครัวของตนและอนาคตในแง่ดี และเฝ้าครุ่นคิดถึง “เวลาอีกมากมาย” ที่จะบรรลุเป้าหมายของชีวิตในอนาคตข้างหน้า
นิตย สารโรลลิ่ง สโตน ได้เปิดเผยบทสัมภาษณ์ของเลนนอนครั้งสุดท้าย ให้กับสำนักข่าวเอพี เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เนื่องในโอกาสครบรอบการเสียชีวิตของเขาครบ 30 ปี ในขณะที่บทสัมภาษณ์แบบเต็มจะมีการเผยแพร่ในนิตยสาร ซึ่งจะวางแผงในวันที่ 10 ธค.นี้
โจนาธาน คอตต์ ผู้สัมภาษณ์เลนนอนในครั้งนั้น กล่าวว่า “คำพูดของเขามีน้ำเสียงที่ดูมีความสุข มีชีวิตชีวา มีความหวัง และหาญกล้า-เขาไม่พูดอ้อมค้อมเลย”
เลนนอนกล่าวถึงนักวิจารณ์ ซึ่งแสดงความผิดหวังอย่างต่อเนื่อง ต่อการเลือกเส้นทางเดินของเขา ทั้งด้านชีวิตส่วนตัวและชีวิตการงานอย่างแข็งกร้าว หลังจากที่เขาออกจากวง “เดอะ บีเทิลส์”
“นัก วิจารณ์พวกนั้นสร้างภาพลวงตาเกี่ยวกับตัวศิลปินขึ้นมาเอง อย่างกับว่าพวกเขาเป็นไอดอล” เลนนอนกล่าว “พวกเขาชื่นชอบเฉพาะคนที่มีหนทางเดินในวงการ แต่ผมไม่สามารถเดินตามทางเส้นนั้นได้อีกต่อไป”
“สิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือ “วีรบุรุษผู้ล่วงลับ” อย่างเช่น “ซิด วิเชียส” และ เจมส์ ดีน” ผมเองไม่สนใจที่จะเป็น “วีรบุรุษ(กล่าวสบถ)ผู้ล่วงลับ งั้นก็ลืมไปได้เลย ลืมไปเลย”
นอกจากนั้น เขายังทำนายว่า “บรู๊ซ สปริงสทีน” ผู้ซึ่งมีอนาคตสดใสในวงการเพลงร็อคในขณะนั้น ให้อดทนต่อคำวิพากษ์วิจารณ์เช่นเดียวกับที่เขาเผชิญอยู่ “ขอได้โปรดให้พระเจ้าจงช่วยคุ้ม ครองสปริงสทีน ในยามที่เขาไม่ได้เป็นพระเจ้าแล้วเถอะ… เขาจะต้องโดนแน่ และผมหวังว่าเขาจะรอดมันมาได้”
เลนนอน ยังพูดถึงความพยายามในการเป็นพ่อที่ดี ต่อลูกชายคนเล็กของเขา คือ “ฌอน” เรียนรู้ที่จะผูกสัมพันธ์กับเด็กๆ (เขายอมรับว่าตนเองเล่นกับเด็กไม่เป็น) และกล่าวถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างเขาและโยโกะ โอโนะ: “ผมเลือกที่จะทำงานกับคนเพียงสอง คนเท่านั้นคือ พอล แม็คคาร์ทนีย์ และโยโกะ โอโนะ… ผมเลือกไม่ผิดแน่”


ในวัย 40 ปี เขายังสะท้อนถึงที่เขาเคยได้ทำมาก่อนหน้านี้ในชีวิต และค้นหาแก่นสารที่แท้จริงของชีวิต และยังคงยึดมั่นต่อแนวทางในการบรรลุเป้าหมายเพื่อสร้างสันติภาพและความรัก ให้เกิดขึ้นกับโลก

“ผม จะไม่อ้างตัวเองว่าเป็นเทพเจ้า ผมไม่เคยอ้างว่าตัวเองมีจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ ผมไม่เคยอ้างว่ามีคำตอบให้กับชีวิตในทุกเรื่อง ผมแค่ทำเพลง เพื่อที่จะตอบคำถามอย่างสัตย์จริงเท่าที่จะทำได้ แต่ผมยังคงเชื่อในสันติภาพ ความรัก และความเข้าใจ”
โจนาธาน คอตต์ สัมภาษณ์เลนนอน ทั้งที่อพาร์ทเมนท์ และที่สตูดิโอของเขา เดิมทีเดียวบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ จะใช้ประกอบบทความเกี่ยวกับอัลบั้ม “ดับเบิล แฟนตาซี” ของเขาและโอโนะ แต่หลังจากการเสียชีวิตของเขา บทความชิ้นนี้บางส่วนได้ถูกนำไปเผยแพร่เพื่อเป็นการไว้อาลัยแก่เขา
คอตต์ กล่าวว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น  เขาไม่เคยกลับไปฟังเทปสัมภาษณ์ความยาว 3 ชั่วโมงชิ้นนั้นอีกเลย จนกระทั่งสองสามเดือนที่ผ่านมาขณะที่เขากำลังทำความสะอาดตู้เสื้อผ้า เขาก็ได้พบมันโดยบังเอิญ
“น่าประหลาดใจมาก กับแถบบันทึกเสียง ซึ่งไม่ได้รับการบูรณะมาเกือบ 30 ปี เสียงของเลนนอนยังคงมีชีวิต ทำให้ผมรู้สึกมีแรงบันดาลใจที่จะถอดข้อความทั้งหมดอีกครั้ง”
คอตต์ กล่าวว่า เขารู้สึกสะดุดกับสิ่งที่เลนนอนคิดถึงเกี่ยวกับชีวิตและความตาย “มีความครุ่นคิดมากมายเกิดขึ้นกับเลนนอน ว่าเขากำลังอยู่ที่ไหน และเขารู้สึกอย่างไร ในระหว่างการเดินทางครั้งใหม่นี้” คอตต์กล่าว “ผมคิดว่ามันเหมือนกับ “การเพ่งพิจารณา ชีวิตในช่วงวัยกลางคน” และผมก็รู้สึกสะดุดกับมันมาก”
นอกจากนั้น ยังมีบทความของโอโนะ ซึ่งกล่าวถึงช่วงชีวิตในวันสุดท้ายระหว่างเธอและเลนนอนอีกด้วย โดยเธอกล่าวว่า เธออุทิศบทความนี้ให้กับเลนนอน


“แค่เพียงก่อนที่เราจะออกจากสตูดิโอ (ไม่กี่นาทีก่อนเขาเสียชีวิต) จอห์นมองที่ฉัน” โอโนะกล่าว “ฉันมองเขา ดวงตาของเขาดูเอาจริงเอาจังมากเหมือนกำลังจะบอกสิ่งที่สำคัญกับฉัน “ว่าไง” ฉันถาม และฉันจะไม่มีวันลืมน้ำเสียงอันลุ่มลึก อ่อนโยน คล้ายกับว่าเขากำลังจะเสกสรรค์คำพูดในจิตใจของฉัน เขากล่าวสิ่งที่สวยงามที่สุดต่อฉัน “โอ้” ฉันกล่าวหลังจากนั้นเพียงชั่วครู่ และเบนสายตาออกไป รู้สึกเขินอายเล็กน้อย”
“ในช่วงเวลา แห่งการครบรอบความโศกานี้ โปรดร่วมรำลึกถึงจอห์นกับฉัน ด้วยความรักอันสุดซึ้งและความเคารพ” โอโนะกล่าว “ในช่วงชีวิต 40 ปีอันแสนสั้นนี้ เขาได้มอบสิ่งต่างๆมากมายให้แก่โลก ช่างโชคดีที่โลกได้รู้จักเขา แม้วันนี้เราก็ยังคงได้เรียนรู้อะไรๆจากเขา…จอห์น ฉันรักคุณ”


รูป ปั้นของ จอห์น เลนนอน ในสวนสาธารณะ กรุงฮาวานา เมืองหลวงของคิวบา

การเสียชีวิตของ John Lennon
วันที่ 8 ธันวาคม 1980 ช่วงบ่ายขณะที่จอห์น เลนนอน อยู่ในสตูดิโอเพื่อกำลังเตรียมตัวอัดเพลงใหม่ ก็มีชายคนนึ่งชื่อว่า Mark Chapman (มาร์ค แชปแมน) ถือกระดาษกับปากกายืนให้จอห์น เลนนอน แล้วพูดว่า”ฉันจะมีลายเซ็นของคุณเป็นที่ระลึกได้ไหม?”จอห์นจึงเซ็นลายเซ็น ของเขาให้แล้วก็ไป ทำงานต่อ
คืนนั้นจอห์นกับโยโกะก็มาอยู่ที่ หน้าอพาร์ตเมนต์ของเขา เขาก็พบmark chapmanคนที่มาขอลายเซ็นเขานั้นเองแต่คราวนี้ในมือเขาไม่ใช่ปากกากับกระดาษ แต่เป็นปืน
มาร์คพูด ว่า “คุณเลนนอน!!” แล้วเขาก็ยิงจอห์นไปห้านัด จอห์นเสียชีวิตทันทีด้วยวัย 40 ปี 3 นาทีต่อมา ตำรวจมาถึงอพาร์ตเมนต์ มาร์คยังอยู่ตรงนั้นเขาพูดกับตำรวจว่า”ฉันนี้แหละที่ยิงจอห์น เลนนอน
จอห์นถูกสังหาร กลางกรุง New York ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองและสังคมในกลียุคที่สงครามมีทุกหนแห่งนัก แต่งเพลง นักร้องนำ จอห์นและเพื่อนๆวงเดอะบีทเทิ้ลดังเป็นพลุแตก เพลงขายดีถล่มทลายทุกชุด ในยุคสาวกรี๊ด เรื่อยจนมาถึงยุคออกอัลบั้มเดี่ยว เพลงดังอย่าง Imagine, Give Peace a Chance แห่งยุคที่เขาเรียกร้องสันติภาพผ่านบทเพลงที่เปลี่ยนพลังของแฟนเพลงเป็นพลัง ต่สู้ทางการเมือง
ทำให้นักการเมืองสั่ง FBI เฝ้าจับตามองจอห์นทุกย่างก้าวถึงขั้นดักฟังโทรศัพท์ นั่นเพราะจอห์นประสบความสำเร็จในการกดดันทางการเมืองครั้งแล้วครั้งเล่าผ่าน บทเพลงที่ง่าย ตรง จริงใจ และดนตรีที่ติดหู เพลงของเขาถูกแบนด์ ไม่ให้เปิดทางวิทยุ อย่าง “Woman Is the Nigger of the World” ที่เขาต้องการสื่อสารว่า ในขณะที่คนเรียกร้องความเท่าเทียมของคนผิวดำในบางประเทศ แต่ว่าผู้หญิงทั่วโลกกลับไม่มีสิทธิเท่าเทียมผู้ชาย (1972)
วันที่ 8 ธคนี้ เป็นวันครบรอบวันตาย มีการจัดงานรำลึกขึ้นทุกปีที่สตรอเบอรี่ฟีลด์ หลุมศพของจอห์น ที่มีแฟนนำดอกไม้ เทียน และของที่ระลึกไปวางแน่นขนัดทุกปีเสมอมา ปีนี้ก็ไม่ต่างจากปีอื่น








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

2leep.com