2554-07-31

นี่คือฉัน...และ...นั่นคือเธอ



คล้ายว่าเข้าใจ...
ความสุขและความทุกข์

เรามักจะเหมารวมว่าคนรวยคือคนที่มีความสุข...
เปล่า...ผมไม่ได้มีปัญหากับความร่ำรวย
แต่ผมไม่เชื่อว่าการมีเงินมากๆ
จะเป็นคำตอบสุดท้ายของการมีความสุขในชีวิต
ผมรู้จักคนรวยมากมายที่มีความสุข
และคนรวยมากกว่าที่ไร้สุข ครอบครัวปริร้าว
มีปัญหาด้านสุขภาพ เครียด ไม่มีความสุข
ยิ่งรวย ยิ่งเห็นแก่ตัว 
ฉกฉวยทุกสิ่งที่ไม่ใช่ของๆตัวเอง
ความสุขในความหมายของการกอบโกยอย่างไม่สิ้นสุด
ไม่ได้เป็นความรวยเพื่อการแบ่งปันแต่อย่างใด

..........................................

ผมเพิ่งรู้สึกเข้าใจความหมายของความสุขและความทุกข์
เมื่อไม่นานมานี้เอง
ใจกำลังเกิดทุกข์ ทุกข์ที่ใจสร้างขึ้น
ผมไปหยุดยืนมองดูภูเขาแห่งหนึ่งที่เมืองจีน
ขุนเขาที่สลับซับซ้อนทอดตัวยาวไกลสุดลูกหูลูกตา
ผมบอกคุณไม่ได้ว่าในวินาทีนั้นผมรู้สึกอย่างไร
และหลังจากกลับมาจากการท่องเที่ยวคราวนั้น
ผมมีความสุขกับชีวิตมากขึ้น
และโดยต่อเนื่องกัน 
ความทุกข์ในใจของผมลดน้อยถอยลงอย่างรู้สึกได้
ผมคงบอกคุณไม่ได้หรอกว่าผมไปเจออะไรในวันนั้น
ที่ภูเขาลูกนั้น ที่ประเทศนั้น...ยกเว้นว่าคุณจะหามันเจอ.


สิงห์โตหมอบ , เชียงใหม่ ๒๕๔๙

....................................................................


มนุษย์เราเรียนรู้ทุกอย่าง
ตั้งแต่เชื้อโรคไปถึงดวงดาว
แต่สิ่งที่มนุษย์ไม่เคยส่องดู และทำความรู้จักน้อยที่สุด
ก็คือ ใจของตัวเอง...
เราไม่รู้ว่าใจเรามีกระบวนการทำงานอย่างไร
ทำไมเราจึงมีความทุกข์ แล้วทำอย่างไรเราจึงจะไม่ทุกข์
เราลืมไปว่าทุกอย่างที่เราหามา
ก็เพราะต้องการให้ใจมีความสุข
ความสุข-ทุกข์ มีขึ้น และหายไปที่ใจ
แต่เราไม่เคยสะดุ้งตื่นมาค้นพบความจริงของใจว่า
ใจเรานั้นมีบางสิ่งบางอย่างที่ปั่นป่วนอยู่ตลอดเวลา
เราจึงไม่สามารถอยู่เฉยๆกับตัวเองได้นาน
ต้อง คิด กิน ดู พูด ฟัง อยู่ตลอดเวลา
ด้วยความหวังว่าเมื่อได้ทำสิ่งนั้นแล้ว
มันจะพ้นสภาพจากความปั่นป่วนนี้
...แต่ไม่ว่าเราจะทำอะไรมากแค่ไหน
“ความสุขที่แท้จริง” ก็ไม่เคยอยู่กับเรา


หนังสือ : เข็มทิศชีวิต
เขียนโดย : ฐิตินาถ ณ พัทลุง

...................................................................


ผมจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวผมให้ฟัง...
มันเกิดขึ้นหลังจากผมแต่งงานไม่นานนัก
เราต่างก็มีปัญหากันทุกรูปแบบ
ผมชักเอือมระอากับมัน เลยตัดสินใจว่า....
จะยุติมันซะให้หมด....

.............................

เช้ามืดวันหนึ่ง ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น
ผมหยิบเชือกมาไว้ในรถ
ผมตั้งใจไว้แล้วว่าอยากจะฆ่าตัวตาย
ผมจึงเดินทางไปเมียเน่ห์ (ชื่อเมืองในประเทศอิหร่าน)
เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 1960....
ผมไปถึงสวนต้นหม่อน ผมจอดรถที่นั่น
ตอนนั้นยังมืดอยู่ ผมโยนเชือกขึ้นไปบนต้นไม้
แต่มันเกี่ยวไม่อยู่สักที
ผมลองหนหนึ่ง , หนสอง...แต่ไร้ผล
เพราะฉะนั้นผมเลยปีนขึ้นต้นไป แล้วมัดเชือกจนแน่น
ตอนนั้นผมรู้สึกว่า มีอะไรนุ่มๆใต้ฝ่ามือผม
....ลูกหม่อนนั่นเอง ลูกหม่อนหวานฉ่ำ
ผมกินไปลูกหนึ่ง มันหวานฉ่ำจริงๆ
ต่อมาก็ลูกที่สอง แล้วก็ลูกที่สาม
ทันใดนั้นผมก็เห็นพระอาทิตย์กำลังโผล่ขึ้นเหนือยอดเขา
ทั้งพระอาทิตย์ ทั้งทิวทัศน์ ทั้งพฤกษชาติ
ช่างงดงามอะไรอย่างนี้....!!!!


.............................


จู่ๆ..ผมก็ได้ยินเสียงเด็กๆ มุ่งหน้าไปโรงเรียนกัน
พวกแกหยุดดูผม พวกแกขอให้ผมเขย่าต้นหม่อนให้...
ลูกหม่อนร่วงลงไป แล้วพวกเด็กๆก็เก็บกิน
ผมรู้สึกเป็นสุขมากๆเลย.....
เสร็จแล้วผมเลยเก็บลูกหม่อนเอากลับบ้าน
....เมียผมยังหลับอยู่
....พอเธอตื่น เธอเลยกินลูกหม่อนเข้าไปเหมือนกัน
แถมเธอยังชอบมันซะด้วยสิ


.............................


ผมจากบ้านไปฆ่าตัวตาย แต่ดันกลับมาพร้อมลูกหม่อน
ลูกหม่อนช่วยชีวิตผมไว้
....ลูกหม่อนช่วยชีวิตผมไว้


ภาพยนตร์ : Taste Of Cherry

.......................................................................


มีชาวเติร์ก (ตุรกี) คนหนึ่งไปหาหมอ
เขาบอกหมอว่า
“พอผมเอานิ้วแตะตัวเอง มันเจ็บเหลือเกิน,
แตะหัว ก็เจ็บที่หัว
พอแตะขา มันเจ็บเหลือเกิน
แตะท้อง แตะมือ มันเจ็บเหลือเกิน”
หมอตรวจเขา....
หลังจากนั้นก็กล่าวว่า
“ร่างกายปรกติดี แต่นิ้วคุณหักต่างหากเล่า !!!”


ภาพยนตร์ : Taste Of Cherry

................................................................


หลวงพ่อชา สุภัทโท 
อดีตท่านเจ้าอาวาสวัดหนองป่าพง
เคยกล่าวไว้ว่า...
“ไก่ก็เป็นไก่ เป็ดก็เป็นเป็ด
เมื่อไหร่ที่เราอยากให้ไก่เป็นเป็ด ไก่มันก็เป็นไม่ได้
ใจเรามันอยากฝืนธรรมชาติ มันก็ทุกข์เท่านั้นเอง
หรือไม้อันหนึ่ง จะบอกว่า มันสั้นหรือยาว
มันก็อยู่ที่ใจเราอีก
เราอยากได้ไม้ยาวๆ ไม้นี้ก็สั้นไป
เราอยากได้ไม้ที่สั้นๆ ไม้นี้ก็ยาวไปอีก
ไม้มันก็เป็นไม้อยู่อย่างนั้น
แต่ใจเรานี่แหละ....
ที่คอยไปยุ่งกับมัน”

หนังสือ : เข็มทิศชีวิต
เขียนโดย : ฐิตินาถ ณ พัทลุง

.................................................................


เมื่อเราผ่านอะไรมามาก
เห็นความทุกข์ เห็นโลกมากขึ้น
ผ่านการเดินทาง...
เราเริ่มมีความปรารถนาอีกด้านหนึ่ง
ความทะเยอทะยานเหมือนต้นไม้ที่พุ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
แต่ที่เรากำลังทำในสิ่งตรงกันข้าม
เราหยั่งลึกลงไปเรื่อยๆ
ลงลึกกับชีวิต ไม่ใช่การพุ่งขึ้น
แต่ลงลึกภายใน ไม่เกี่ยวกับผู้อื่น
เรากำลังทำสงครามภายในใจเรา
นี่คือ ความต่าง...
เมื่อก่อนอยากเป็นต้นไม้ที่พุ่งสูงขึ้น
วันนี้อยากเป็นต้นไม้ที่หยั่งรากลึกลงไป...
ต้นไม้ต้นเดียวกันนั่นแหละ
แต่เปลี่ยนวิธีคิดใหม่


: ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา (นักเขียน)

หนังสือ : Open diary
เขียนและเรียบเรียงโดย : วรพจน์ พันธุ์พงศ์

.................................................................



“คุณจะลำบากไปสิบปี การเงินจะชักหน้าไม่ถึงหลัง
สุขภาพก็จะไม่สู้ดี” 
หมอดูกล่าวคำทำนายอนาคตให้ลูกค้าคนหนึ่ง
“หลังจากนั้น ผมจะสบาย มั่งมีศรีสุขใช่มั้ยหมอ ?”
“เปล่า...หลังจากนั้น...คุณจะชินไปเอง”

: ไม่ปรากฏชื่อผู้เขียน

จาก : Internet and Forward mail

.................................................................


มีปลาวาฬตัวเบ้อเริ่มมาเกยหาด
แล้วคนทั้งหมู่บ้านก็ไปแล่เนื้อกัน
มียายแก่คนหนึ่งแกอยู่คนเดียว
แกก็ถือจานไปกับเขา
แกขอให้เขาช่วยแล่ให้
แกบอกว่า...แกไม่เอามากหรอก 
ขอแค่ชิ้นเดียวก็พอ....
แต่ยายขอหัวมันไปให้แมว !


: กนกพงษ์ สงสมพันธุ์ (นักเขียน)

นิตยสาร : Open ฉบับที่ 48

.....................................................................


เป็นคน...
ใช่ต้องได้รับความสำเร็จเสมอไป
บางครั้ง...การก้าวไป
ก็สำคัญกว่าการก้าวถึง



: ไม่ปรากฏชื่อผู้เขียน

จาก : Internet and Forward mail

...................................................................



มนุษย์...
สร้างเอง
...เศร้าเอง


หนังสือ : ภาพของฉัน ฝันของเธอ
เรื่องและภาพโดย : ชุมพล อักพันธานนท์

................................................................


คนดีสำหรับผม ไม่ใช่คนเข้าวัด หรือคนเก่งกาจ
แต่ผมหมายถึง เป็นคนที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม
ไม่คิดซับซ้อนเรื่องมิตรภาพ
ไม่คิดหวังผลประโยชน์จากเพื่อนฝูง
ไม่เอาเรื่องธุรกิจมาพัวพันกับความเป็นเพื่อน
คนที่ไปเที่ยวด้วยกันเพื่อความสุขทางจิตใจ
เป็นเรื่องของชีวิตประจำวัน
แบ่งปันความสุขและทุกข์...ให้กันและกันได้


: คำสัมภาษณ์นำโดย : ปราบดา หยุ่น

หนังสือ : เสียงในความทรงจำ
เขียนและเรียบเรียงโดย : วรพจน์ พันธุ์พงศ์

................................................................




ความสุขของการมีเงินมันอยู่ตรงไหน
ถามร้อยคนก็จะได้คำตอบเหมือนกัน
ในเรื่องของการนำเงินไปซื้อหาแลกเปลี่ยนเป็นวัตถุสิ่งของ
ที่ต่างคน ต่างฝัน อยากมี อยากได้
หรือไม่ก็ไปเนรมิตฝันในส่วนอื่นๆ....
สรุปรวมความแล้ว การมีเงินทองนั้น
เป็นเพียงหนึ่งในมายาธรรมของโลกธรรมแปด
คือ ลาภ เสื่อมลาภ
ยศ เสื่อมยศ
นินทา สรรเสริญ
สุข ทุกข์
สลับสับเปลี่ยน...
หลอกให้คนเราเดินหลงอยู่ในนั้น
ด้วยความทุกข์ใจ ร้อนใจ
คนที่ทำใจให้อยู่เหนือสิ่งเหล่านี้ได้นั่นแหละ...
คือ ความสำเร็จของชีวิตอย่างแท้จริง


บทบรรณาธิการโดย : ศักดิ์ชัย กาย

นิตยสาร : Lips ปีที่ 6 ฉบับที่ 18

..............................................................


ความยิ่งใหญ่แบบซุปเปอร์แมนเวลาชนะ
หรือการเป็นตั๊กแตนทอดแบบผู้แพ้
ผมเคยผ่านมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
แต่ในวันที่มีคนไม่กี่คนมารับตอนที่ผมแพ้
ผมกลับรู้สึกมีความสุขมากกว่านะ
เพราะคนเหล่านั้น มีแต่คนจริงใจ
ต่างจากตอนที่เราได้เหรียญทองมา
ณ เวลานั้น มีแต่คนสวมหน้ากาก
มีแต่คนวิ่งมาหาเราพร้อมผลประโยชน์
...เวลาที่เราชนะ คนเป็นร้อยเป็นพันเข้ามาหาเรา
เรามองไม่ออก ว่าคนไหนเข้ามาหาเราด้วยวัตถุประสงค์ใด
คนไหนชื่ออะไรเรายังไม่รู้เลย
ผิดกับตอนเราแพ้กลับมา
ถึงคนจะน้อย...แต่พวกเขาก็มาพร้อมกับความจริงใจ
เรารู้ว่าคนยืนรอรับเราอยู่
ชื่ออะไร นิสัยยังไง..เรารู้หมด 
...ผมถือว่าภาพวันนั้นล่ะ 
คือ ชัยชนะยิ่งใหญ่กว่าวันที่ผมได้เหรียญทอง


: สมรักษ์ คำสิงห์ (นักมวยสากลเหรียญทองโอลิมปิก)

นิตยสาร : Lips ปีที่ 6 ฉบับที่ 7

.................................................................


ตอนผมแพ้นี่....
ยิ่งใหญ่กว่าตอนที่ได้เหรียญทองโอลิมปิกอีกนะ
เพราะตอนที่ผมได้เหรียญ ใครก็จัดเลี้ยงอย่างยิ่งใหญ่
เพราะเป็นเหรียญแรก
แต่ตอนผมแพ้กลับมา...
ในขณะที่ร่วมขบวนแห่ 
คนก็ยังมารุมให้กำลังใจผมเหมือนเดิม
ผมจึงเชื่อว่า...
ฮีโร่แก่นแท้.... 
คือ ต้องไปนั่งอยู่ในใจของประชาชนได้เสมอ



: สมรักษ์ คำสิงห์ (นักมวยสากลเหรียญทองโอลิมปิก)

นิตยสาร : Lips ปีที่ 6 ฉบับที่ 7

.................................................................


แพ้ ก็คือ แพ้
คือ ความล้มเหลว
ซึ่งนักกีฬาทุกคนไม่อยากจะแพ้อยู่แล้ว
แต่นั่นก็คือ เกมกีฬาที่ผู้แข่งขันทุกคนต้องเจอ
ไม่ “แพ้” ก็ “ชนะ”....เป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน
ไม่มีใครจะชนะได้ตลอดเวลาหรอก



: สมรักษ์ คำสิงห์ (นักมวยสากลเหรียญทองโอลิมปิก)

นิตยสาร : Lips ปีที่ 6 ฉบับที่ 7

.................................................................



สองสิ่งที่ผมให้ค่ากับมันมากที่สุด
ก็คือ...ความสงบร่มรื่นในชีวิต
กับความภาคภูมิใจที่ตัวเองมีประโยชน์กับคนอื่น
สองสิ่งนี้ แม้จะไม่อยู่กับเราตลอดเวลา
จะด้วยสถานการณ์ หรือ เกมชีวิตใดๆก็ตาม
แต่เราสามารถหา สามารถสร้างมันได้นี่ครับ
...มันอยู่ในตัวเรานี่แหละ


หนังสือ : หลังตู้เย็น
เขียนโดย : ประภาส ชลศรานนท์

................................................................



การเอาเวลาที่มีอยู่ไปใช้กับการมาคิดว่า
ประสบความสำเร็จคืออะไร
ทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ
ผมมองว่ามันเป็นเรื่องเสียเวลา
แต่ว่าผมมองการไปนั่งมองแม่น้ำไม่เสียเวลา
การคุยกับเพื่อนไม่เสียเวลา
การนั่งรถไฟไปอยุธยาไม่เสียเวลา
...กระทั่ง อาจเป็นเวลาที่ดีมากๆในชีวิต


เขียนโดย : วรพจน์ พันธุ์พงศ์

นิตยสาร : a day ปีที่ 5 ฉบับที่ 52

.................................................................



ทุกข์มีไว้ให้เห็น
ทุกข์ไม่มีไว้ให้เป็น
คนส่วนมากมักจะ “เป็น” ทุกข์
มีเพียงส่วนน้อยที่ “เห็น” ทุกข์
มนุษย์ทุกคนล้วนเริ่มต้นด้วยการเป็นทุกข์
แต่จะไปถึงการเห็นทุกข์หรือไม่
ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
ระหว่าง “การเป็น” ไปสู่ “การเห็น”
คือ การเดินทางที่เป็นกระบวนการ
เรียนรู้เพื่อการฝึกฝน
และพัฒนาจิตใจให้เกิด “สติปัญญา”


เขียนโดย : กองบรรณาธิการ

หนังสือ : สาวิกา ปีที่ 6 ฉบับที่ 54

..................................................................



คนจะพ้นความยากจน ต้องเลิกงมงายก่อน
แล้วหันมาดูว่า ที่เราจนเพราะอะไร
ก็เอาแต่นั่งไหว้เจ้าพ่อเจ้าทั้งหมด
เพื่อหวังจะได้จากโชคชะตา
นักศึกษาไปนั่งบนบานสานกล่าว ขอให้สอบได้
แล้วจะไปได้ยังไง...ในเมื่อไม่อ่านหนังสือ
เมื่อไม่เข้าเรียนหนังสือ มันก็เป็นไปไม่ได้
คนหวังจะหายจน ไปนั่งไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์
แล้วจะหายจน ?.....ยังไงก็จนเหมือนเดิม
สังคมเสื่อม เพราะเราไม่เชื่อในเหตุผล
เราไม่เชื่อในคุณความดีที่ถูกต้องของคน
ไปเชื่อในสิ่งที่ไม่รู้ว่า... “คืออะไร”


: โภคิน พลกุล (นักการเมือง)

หนังสือพิมพ์ : ไทยรัฐ ปีที่ 56 ฉบับที่ 17219

...................................................................



ทุกคนมีโอกาสสัมพันธ์กับผู้คน
และช่วยเหลือเกื้อกูลพวกเขาเหล่านั้น
แค่ยิ้มให้กำลังใจใครสักคนที่กำลังพบเจอวันที่เลวร้าย
คุณก็เป็นแรงบันดาลใจให้เขาได้แล้ว



หนังสือ : ปรัชญาชีวิตจากครูมอร์รี
( Morrie in His own Words )
เขียนโดย : Morrie Schwartz
แปลโดย : จิรันธรา ศรีอุทัย






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

2leep.com