มีคนที่กำลังชนะอย่างใหญ่ๆ และก็มีคนที่กำลังไม่เป็นเช่นนั้น ความแตกต่างอยู่ที่ คนที่ชนะรู้สึกได้ว่า “ทำไม” เขาจึงทำเช่นนั้น และคนที่ไม่ชนะมีความรู้สึกในคำว่า “ทำไม” ไม่เพียงพอ
เอาพลังของคุณคืนมา
การบรรลุความสำเร็จ ไม่ได้ เกิดจากปาฏิหาริย์ใดๆ ยกเว้นว่าคุณคิดเช่นนั้น มันอยู่ที่พลังสองตัวคือ พลังแห่งความคิด และพลังแห่งการกระทำ ซึ่งรวมกันเป็น พลังแห่งตน เมื่อคุณใช้พลังแห่งตนได้เต็มที่ ความสำเร็จก็จะตามมา
คุณต้องคิดและกระทำให้เต็มศักยภาพของคุณ เมื่อคุณใช้ศักยภาพที่รู้จักก่อน ศักยภาพที่ไม่รู้จักก็จะตามมา คุณจะสลัดทิ้งข้อจำกัดและข้ออ้างทั้งหลายที่ขวางกั้นและฉุดรั้งคุณไว้ เมื่อคุณมุ่งความรู้สึกไปที่ “ทำไม” คุณจะเกิดพลังขับเคลื่อน เมื่อคุณเคลื่อนที่ คุณจะเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ บอกตัวเองทุกวัน ทุกเวลาว่า “ฉันทำได้” แม้จะต้องเริ่มต้นด้วยการโกหกตัวเอง แต่มันเป็นการ “โกหกตัวเองสู่ความสำเร็จ”
พลังข้ออ้างและข้อจำกัด มีพลังเหนือ พลังแห่งตน ของคุณอยู่หรือ? ถ้าเช่นนั้น คุณต้องเริ่มฝึกมองเห็นและรู้สึกในใจทุกวันและทุกเวลาที่มีโอกาส ว่าตัวเองกำลังทำได้สำเร็จ ใช่แล้ว คราวนี้คุณโกหกตัวเองด้วย “ภาพ” และ “ความรู้สึก” เสริมเข้าไปกับการโกหกตัวเองด้วย “คำพูด” ที่ว่า ฉันทำได้ เมื่อ คำพูด ภาพ และความรู้สึก มารวมกันมันจะกลายเป็นเป้าหมายให้จิตใต้สำนึกของคุณพาตัวคุณไปสู่ความสำเร็จเช่นนั้น ในตอนที่คุณโกหกตัวเองเช่นนั้น จำเป็นเหลือเกินที่คุณจะต้อง ไม่สงสัยใดๆ และโกหกไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ดีเอง พลังแห่งการโกหกตัวเองเช่นนี้จะได้ชัยชนะเหนือ พลังข้ออ้างและข้อจำกัด ที่สมองของคุณพยายามจะขัดขวางและเหนี่ยวรั้งคุณไว้ให้คงอยู่ใน ความสบายเดิมๆ
พลังแห่งการคิดและการกระทำ เป็นขุมพลังที่ยิ่งใหญ่ในตัวคุณ ที่จะทำให้คุณไปไกลเกินความเชื่อที่กำลังจำกัดคุณอยู่ที่ต้องการให้คุณเป็นคนป่วยไร้เรี่ยวแรงอยู่แต่บนเตียงคนไข้มีคนมาคอยป้อนน้ำและอาหาร
”การลงมือปฏิบัติ เยียวยาทุกสิ่ง”
คุณอาจถามตัวเองว่า ก็ฉันจะปฏิบัติได้อย่างไรในเมื่อ ฉันกำลังกลัว....ฉันไม่เคยทำมาก่อน หรือว่า มันเป็นเช่นนั้น เช่นนี้... คุณรู้หรือไม่ว่า เสียงที่ถามคือเสียงของใคร? แน่นอน มันคือเสียงของ “มาร” มันคือเสียงของ “ไอ้ตัวลบ” ที่สิงสู่อยู่ในตัวคุณ คุณจะปล่อยให้มันมีพลังเหนือคุณอยู่อย่างนั้นหรือ
คุณต้องเริ่ม สตาร์ทเครื่อง ใส่เกียร์ เหยียบคันเร่ง แม้ว่ามันจะหนัก แต่คุณต้องเริ่มออกตัว การก้าวไปข้างหน้าแม้เพียง นิ้วเดียว ก็เท่ากับการก้าวหน้าแล้ว เมื่อคุณเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ อย่าลืมโกหกตัวเองตลอดเวลา ด้วยคำพูด ภาพ และความรู้สึก เสียงที่กำลังค้านคุณจะพร่ามัวหรือถูกแทนที่ไปเอง
เมื่อคุณเคลื่อนที่ไปได้แม้แต่หนึ่งนิ้ว ให้คุณชมเชยตัวเองทั้งในใจและนอกใจ คุณต้องเฉลิมฉลอง มันเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ เหมือนที่ นีล อาร์มสตรอง นักบินอวกาศคนแรกที่ไปลงเหยียบบนผิวดวงจันทร์รายงานกลับมาที่ยูสตัน ว่า “A Small Step Of A Man, A Giant Leap Of Mankind” หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า “หนึ่งก้าวเล็กๆของมนุษย์ คือก้าวกระโดดยักษ์ของมนุษยชาติ” รอยเท้าของมนุษย์ที่เหยียบบนลูกรังธรรมดามันไร้ค่าสิ้นดี แต่ถ้าคุณสามารถประทับรอยเท้าของคุณบนดวงจันทร์นั่นมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงใช่ไหมล่ะ? และการก้าวไปหนึ่งนิ้วของคุณก็เปรียบได้ดั่ง ก้าวกระโดดยักษ์ของชีวิตคุณ มันเกิดจากขุมพลังที่คุณใส่ลงไป มันเป็นพลังแห่งความคิดและพลังแห่งการกระทำที่คุณลากตัวเองหนีแรงดึงดูดของมารร้ายของความป่วยที่ต้องการให้คุณอยู่ที่เดิม
จงรู้อย่างแน่ชัดว่า ดวงจันทร์ของคุณอยู่ที่ไหน มันคืออะไร ใช้พลังแห่งตนลาก ดึง ดัน ไปจนกว่าจะคล่องตัว เรียนรู้และปรับแก้ไประหว่างทาง คุณไม่จำเป็นต้องรู้ทั้งหมด หรือมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมแล้วจึงจะทำอะไรได้ มันอยู่ที่การออกตัวไปข้างหน้าครั้งแรกต่างหาก ที่เหลือมันก็ง่ายขึ้น ความมั่นใจจะมีมากขึ้น เพราะมันเกิดโมเมนตัมหรือแรงส่งหนุนเนื่อง มันเกิดทักษะและประสบการณ์ มันเกิดความรู้ มันเกิดความอุตสาหะที่จะทำและรู้สิ่งใหม่ๆเพิ่มเติมเข้ามา ความสามารถของคนเราไม่ได้เติบโตทีละหนึ่งแต่มันเติบโตแบบเลขยกกำลัง กล่าวคือมันทวีตัวรวดเร็วและมากขึ้นเรื่อยๆ จงกระทำอย่างที่ประธานาธิบดี ธีโอดอร์ รูสเวลท์ กล่าวไว้นั่นคือ “ทำที่ทำได้ ด้วยสิ่งที่มี ณ ที่ที่คุณอยู่นั่นแหละ” แล้วทุกอย่างจะเติมเต็มเข้ามาเรื่อยๆ ทักษะใหม่ ไอเดียใหม่ ผลลัพธ์ใหม่ๆจะผ่านเข้ามาเอง มันจะสะสมอยู่ในตัวคุณ มันจะแปลงสภาพคุณไปเป็นบุคคลที่สมควรจะได้รับผลลัพธ์ดีๆขึ้นเรื่อยๆ
แบบฝึกหัดลงมือปฏิบัติ
มีอะไรบ้างที่คุณต้องทำในกิจวัตรประจำวันและรู้ว่าถ้าทำแล้วชีวิตจะดีขึ้น เลือกมาหนึ่งอย่างแล้วเริ่มทำจากจุดเล็กๆ เช่น หากคุณจะต้องจัดโต๊ะทำงานเพื่อทำให้คุณสมองปลอดโปร่ง ก็จัดการเก็บและจัดมันซะเลย
มีอะไรบ้างที่สำคัญขึ้นกว่าเดิม และมันเป็นความฝันของคุณ เช่น เป็นจิตรกรผู้ยิ่งใหญ่ ให้คุณเริ่มต้นด้วยการ หาประวัติของคนเหล่านั้นมานั่งอ่าน ไปซื้อเครื่องวาดภาพเล็กๆน้อยๆ หาสมุดสอนวาดภาพมาเลียนแบบทำตาม เข้าฝึกอบรม เข้าหากลุ่มจิตรกร แล้วก็หาเวลาทำมากขึ้นเรื่อยๆ จากน้อยไปมาก เป็นต้น
โกหกตัวเอง ด้วย คำพูด ภาพ (ทั้งที่หลับตาเห็นและลืมตาเห็น) และความรู้สึก วันละหลายๆหน
ขอให้ท่านรู้สึกได้ว่าชีวิตของท่านเปี่ยมพลังอยู่แล้ว จงใช้ชีวิตอย่าง เปี่ยมพลัง!!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น