ควันของธูปดอกเดียวม้วนตัวเป็นเกลียว
ส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณงาน
เพื่อเตือนสติให้ผู้มาร่วมงานได้รู้ว่า
“คนเรานี้ คงมีแค่เพียงคุณงามความดีเท่านั้น
ที่เป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับชีวิตมนุษย์"
กลิ่นแห่งความดีเป็นกลิ่นที่หอมยิ่งกว่ากลิ่นใดๆในโลก
เป็นกลิ่นที่มีความหอมคงทนอยู่ได้นาน
และมักจะหอมทวนลมอยู่เสมอ
ชีวิตที่ไร้ซึ่งความดี
ไม่แตกต่างอะไรกับธูปที่ไม่มีกลิ่น
จะดำรงอยู่เพียงเพื่อรอความหมดสิ้นไปฉันใด
ชีวิตที่ไม่มีความดีติดตัว ติดใจ
ไม่เคยทำประโยชน์อะไรแก่โลกแก่สังคม
ก็รอความตายที่จะมาถึงตนฉันนั้น
วันๆก็ขวนขวายสร้างแต่บาปกรรม
ไม่เคยรู้จักเลยว่า
“ความดีเขาทำกันอย่างไร”บ้าง
ชีวิตนี้สั้นนัก
มีเวลาน้อยเหลือเกิน
น้อยเหลือเกินสำหรับการได้ไหว้พระสวดมนต์นั่งสมาธิ
น้อยเหลือเกินที่จะทำให้คนที่เรารัก ให้เขามีแต่ความสุข
น้อยเหลือเกินที่จะศึกษาพระธรรม
น้อยเหลือเกินที่จะทำประโยชน์ให้แก่โลกแก่แผ่นดิน
ไฟเริ่มเผาก้านธูปเมื่อไหร่
ชีวิตที่เกิดมาก็มีความตายติดตามมาเมื่อนั้นเช่นกัน
“...มีใครบ้างมั้ยที่จะเข้าใจในสัจจธรรม ของธูปดอกเดียวบ้าง...”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น